บ้านหนองเรือ หมู่ที่ 7
   
 
ข่าวสารบ้านหนองเรือ
   
 
 
     
 
     
 
 
 
 
 
     
 
 

บ้านหนองเรือ หมู่ที่ 7

                                                                                       วิสัยทัศน์ คือ
                                                                           เกษตรดีเด่น พันธุ์ข้าวล้ำเลิศ
                                                                  พัฒนากลุ่มจักรสาน นำปราชญ์พอเพียง

                                 พันธกิจ
                                 1) ส่งเสริมสนับสนุนด้านการเกษตร
                                 2) ส่งเสริมการปลูกข้าว
                                 3) ส่งเสริมและพัฒนากลุ่มจักรสาน
                                 4) ส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดีในชุมชนโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

                                                                                 ประวัติบ้านหนองเรือ
                   บ้านหนองเรือแต่ก่อนเป็นไร่นาเดิม ที่มีบ้านอยู่สามหลังคาเรือนเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว บ้านหนองเรือมีตำนานเล่าว่า            
ใต้แม่น้ำยังมีเรือนาวาลำใหญ่บรรทุกใส่เงินทองสมบัติมากมาย เดิมอยู่ที่กลางหนองฝ่ายใต้ สมัยเมื่อม่านเงี้ยวมาเข่นฆ่า            
ชาวล้านนาทำให้บ้านเมืองแตกแยก โกลาหน   สมบัติต่างๆของชาวล้านนาก็ไม่สามารถเก็บไปด้วยได้ก็ต้องเก็บซ่อนไว้
           บ้างก็เอาฝากไว้ใต้พื้นปฐพี บอกกล่าวกับแม่ธรณีให้รักษาไว้ให้    บ้างก็ฝากไว้ในใต้ฐานเจดีย์เก่า    และที่ใต้ต้นไม้ใหญ่           
 ระหว่างทางหนีก็จะทำเครื่องหมายเอาไว้เมื่อรอดตายจากม่านเงี้ยวก็จะกลับมาเอาสมบัติไปใช้ต่อ     สมัยเมื่อม่านเงี้ยว
           มาตีนครเชียงใหม่ ในปีพุทธศักราช 2146     ล้านนาไทยก็ตกเป็นข้าทาสร่วมสองร้อยกว่าคน      นครลำพูนก็ต้องแตก
           วินาศพ่ายไปเงินทองและสมบัติต่างๆ      เอาไปก็ไม่ได้ก็ต้องเอาเก็บซ่อนฝากฝังไว้ในที่ปลอดภัย      และก็จะเขียนเป็น
           ปริศนาไว้เพื่อให้คนในรุ่นหลังได้มาอ่านและมาแปลปริศนานั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติ    หนองเรือก็เป็นเช่นเดียวกันนี้
           สมัยก่อนมีพ่อค้าม่านเงี้ยว    บรรทุกเงินทองสมบัติต่างๆมากมายใส่เรือสำเภามาขาย พอมาถึงที่น้ำวน      ซึ่งมีน้ำห้วย
           กอกอกและห้วยน้ำริน       มาบรรจบกันเกิดเป็นน้ำวน     เรือสำเภาของพ่อค้าม่านน้ำเงี้ยวก็มาล่มจมลง      ณ ที่แห่งนี้
           และในสมัยก่อนในเดือนดับ เดือนเพ็ญ     จะมีทองคำโผล่ขึ้นจากกลางน้ำพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้า         สูงประมาณต้นตาล
           แสงสว่างไสวไปทั่วหมู่บ้าน และเมื่อเรือสำเภาจมก็มีปริศนาบอกไว้ว่า      ศาลาบนบกถ้าแก้ไม่ตกเอาที่สาวน้อยท่อหูบ
           ถ้าแก้ไม่ถูกเอาที่น้ำลาดทรายมูล บัดนี้ศาลาก็สูญหายไป     สาวน้อยก็คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือหนองเรือคำแต่ชื่อ พอถึง
           ประมาณปีพุทธศักราช 2300 กว่า หมู่ก๋าวีละ ร่วมกับอยุธยาพระเจ้าตาก ไปรุกรานหมู่ม่านเงี้ยว  จนชนะหมู่ม่านเงี้ยว
           ทำให้หมู่ม่านเงี้ยวยอมแพ้และกลับคืนสู่หงส์ษา เมื่อถึงสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประมาณปีพุทธศักราช
           2345 นครเชียงใหม่และเมืองลำพูนยังไม่ค่อยเจริญรุ่งเรือง พอถึงปีพุทธศักราช 2357 เจ้าหลวงปันเสด็จขึ้นครองนคร
           ลำพูนประชาชนที่หนีจากภัยสงครามก็กลับคืนมาสู่เคหาบ้านเรือนของตนมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน    ช่วยพัฒนา
           หมู่บ้านให้เจริญรุ่งเรือง  หนองเรือนั้นแต่เดิมมีบ้านอยู่สามหลังคา และต่อจากนั้นมาก็แผ่ขยายออกระหว่างบ้านห้วย
           กอกอกกับห้วยกอน้ำริน เพิ่มขึ้นมานับสิบหลังคาเศษ  หมู่บ้านหนองเรือนี้ระหว่างกลางหมู่บ้านที่บรรจบกันระหว่าง
           ห้วยกอกอกและห้วยน้ำรินเป็นที่ฝังเรือสุวรรณะไว้ที่นี่        และเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นล่วงเลยมาก็มีบ้านเพิ่มขึ้นอีก
           เป็นสามสิบหลังคาเท่านั้น เพราะว่าเกิดลูกออกมากันน้อยไม่เกิดมากเหมือนแต่ก่อน เพราะเกรงว่าจะไม่มีปัญญาเลี้ยง
           ลูกพอมาถึงสมัยของพ่อขุนแป้น ซึ่งเป็นกำนัน หนองเรือสุวรรณะมีบ้านเรือนอยู่ประมาณสามสิบหลังคากว่าก็นับว่า
           มีเยอะในสมัยนั้นก็ตั้งให้เป็นหมู่บ้าน เป็นหมู่ที่ 3ของตำบลบ้านแป้น มีพ่อน้อยคำ กองศรี เป็นผู้ใหญ่บ้านครองอาณา
           เขตบ้านได้หลายปี ผ่านห้วงเลยไปถึงปีพุทธศักราช 2415 ก็เกิดมหาสงครามอเมริกากับญี่ปุ่น  ญี่ปุ่นได้เข้ามาในไทย
           ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายอีก        บ้านหนองเรือซึ่งเป็นบ้านน้อยไม่กว้างใหญ่มากก็ไปรวมตัวกับบ้านขว้างและมีการตั้ง
           ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับบ้านขว้าง เพื่อรักษาบ้านมาตลอดเมื่อหนองเรือไปตั้งบ้านกับบ้านขว้างก็จะไปทำบุญทำทานกัน
           ที่วัดบ้านขว้าง ในสมัยก่อนก็จะเดินทางไปวัดบ้านขว้างโดยเดินลัดทุ่งไปก็ลำบากมาก และก็ไกลด้วย    ผู้เฒ่าผู้แก่ใน
           บ้านหนองเรือก็มาปรึกษาหารือกันว่าการเดินทางไปทำบุญที่วัดบ้านขว้างนั้นยากลำบากเหลือเกิน เราควรที่จะสร้าง 
           อารามไว้ที่บ้านหนองเรือของเรา โดยที่ไม่ต้องเดินให้ลำบาก ผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านก็เห็นด้วยบางท่านก็ไม่เห็นด้วยท่าน
           บอกว่ากลัวคนเขานินทาว่าบ้านเราอวดร่ำอวดรวยเป็นเศรษฐี ก็มีการพูดอย่างนี้กันมาหลายๆวัน และหลายปีต่อมาก็
           มีบ้านเพิ่มขึ้นอีกเป็นหกสิบกว่าหลังคาเรือน ก็ยังที่ไม่หยุดคิดในเรื่องของการสร้างอาราม พอดีท่านทรงฤทธิ์วัดบ้าน
           ขว้างท่านก็มาปรึกษาผู้เฒ่าผู้แก่จะช่วยสร้างวัดสร้างวาให้    ผู้เฒ่าผู้แก่ก็เริ่มที่จะสร้างวัดสร้างอารามกันอย่างจริงจัง            
           ก็มีแกนนำหลักสำคัญในการสร้างอารามในครั้งนี้คือ     พ่อตา ปิ่นแก้วนาวา พ่อจันทร์ มูลนาวา พร้อมกับพ่ออุ้ยซาว
           จิตอารี ร่วมกันหาสถานที่ในการสร้างอารามใหม่และทางพ่ออุ้ยตา ปิ่นแก้วนาวา มีที่นาอยู่ที่หนึ่งอยากจะให้สร้างเป็น
           อารามวัดใหม่     และในปีพุทธศักราช 2515 พ่อตา ปิ่นแก้วนาวา พ่อน้อยมูล ศรีสวัสดิ์ และพ่อหน่อ ธิประเสริฐ และ
           พ่อบุญเป็ง วิรัตน์พฤกษ์ พ่ออุ้ยสิงห์ นันตาโจง   พร้อมกับคณะศรัทธาหนองเรือก็ขึ้นไปวัดบ้านขว้างเพื่อขออนุญาต
           สร้างวัดสร้างอารามใหม่ ทางวัดบ้านขว้างก็ไม่ขัดข้อง     คณะศรัทธาหนองเรือก็ดีอกดีใจที่จะได้ร่วมกันสร้างอาราม
           วัดใหม่ และสำหรับที่นาของพ่ออุ้ยตา ปิ่นแก้วนาวา ซึ่งอยู่ที่สันกู่นั้นอยู่ไกลจากหมู่บ้านและหนทางไปลำบาก ต้องข้าม
           แม่น้ำไปซึ่งลำบากมาก    จึงร่วมกันปรึกษาหารือกันใหม่และได้เล็งเห็นสถานที่สร้างวัดปัจจุบันนี้เป็นที่เหมาะสมเป็น
           จุดศูนย์กลางของหมู่บ้านเหมาะแก่การสร้างอารามข่วงแก้ว เป็นที่ประเสริฐที่สุดแล้วเพราะติดกับถนนหนทางไม่ไกล
           มากคณะศรัทธาเดินทางไปมาสะดวก และก็ได้ไปปรึกษา    ถามกับทางแม่อุ้ยหน้อย เจ้าของนาซึ่งมีอยู่ 4 ไร่ และของ
           แม่อุ้ยปามีอีก 6 ไร่กว่า รวมกันมีพื้นที่ประมาณ 10 ไร่กว่า    ทางคณะศรัทธาจึงขอซื้อที่ตรงนี้เพื่อสร้างเป็นอารามใหม่
           แม่อุ้ยปาและแม่อุ้ยหน้อย ก็ตกลงขายในราคา 42,000 บาท   เงินจำนวนนี้ก็เป็นเงินจำนวนเยอะมาก คณะศรัทธาก็ไม่
           รู้จะไปหาเอาจากที่ไหนก็ควักกระเป๋าช่วยกันร่วมทำบุญบริจาคซื้อที่ดิน และทางพ่อหนานหล้า นันตากาศก็ขอบริจาค
           ที่ดินซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับที่ๆจะสร้างอารามใหม่ อีกประมาณ 3 งาน และคณะศรัทธาก็พากันไปพัฒนาสถาน
           ที่ที่จะสร้างอารามใหม่ ช่วยกันคนละไม้ละมือ ในที่แห่งนี้ยังเป็นท้องนาโล่งกว้าง   ช่วยกันสร้างวิหารมุงหลังคา สร้าง
           โรงครัว โดยใช้ไม้รวก ไม้ไผ่      คณะศรัทธาหนองเรือก็สามัคคีกันทำ        ตามที่ท่านทรงฤทธิ์บอกกว่า เพราะท่านมา
           ริเริ่มสร้างอารามแห่งนี้ร่วมไม้ร่วมมือเริ่มพัฒนาเมื่อวันที่ 21 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2515  สร้างอารามใหม่หนองเรือคำ
           บ้างก็ไปหาไม้มาสร้างเสนาสนะต่างๆ โดยไปหาไกลถึงบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน     นำโดยพ่อคำ นึกได้ ร่วมกับ
           พ่อสม จิตอารี และพ่อเสาร์ มูลนาวา พ่อซอน ปิ่นแก้วนาวา ก็พากันไปตัดไม้ในป่าที่บ้านปาง ซึ่งเป็นพื้นที่เขตป่าสงวน
           ทางพ่อหลวงปั๋น บ้านปางก็เขียนจดหมายให้ลูกบ้านนำมาส่งให้พวกตัดไม้ในป่าสงวนว่า     “พวกเรานี้เป็นชาวที่ไหน
           มาตัดไม้ทำลายป่าสงวน”        พวกที่ไปตัดไม้ก็มานั่งปรึกษาหารือกันว่าจะเอายังไงดี     บ้างก็จะกลับบ้าน บ้างก็จะหน
ี           ขึ้นภูเขา (ดอย) ทางพ่อสม จิตอารี พ่อเสาร์ มูลนาวา และพ่อซอน ปิ่นแก้วนาวา ก็เข้าไปหาผู้ใหญ่บ้าน ทางพ่อหลวงปั๋น
           ก็สอบถามว่า 3 คนนี้หรือที่มาตัดไม้ในป่าสงวน  พวกตัดไม้จึงตอบผู้ใหญ่ไปว่าหมู่พวกข้าก็ขอยกมือไหว้กล่าวเจียรจา
           ว่า ข้าจักเอาไม้ไปสร้างอารามวันใหม่ มาเอาไม้รวก ไม้ซาง ไม้บงไปสร้างกุฏิสร้างโรงครัว หมู่ข้ามาจากบ้านหนองเรือ
           อยู่ทางเหนือบ้านบ่อโจงและบ้านขว้าง ตอนนี้กำลังจะสร้างอารามขึ้นใหม่ พ่อหลวงปั๋นก็เห็นดีเห็นงามก็เลยบอกว่าถ้า
           จะนำไปสร้างวัดสร้างอารามก็ตัดเอาไปให้พอใช้ ถ้าไม่พอก็มาตัดเอาใหม่ได้ พวกที่ไปตัดไม้ไปหาไม้อยู่ทั้งหมด 2 คน
           ในกลางป่ากลางดอยตอนกลางคืนก็จะหนาว เพราะเป็นเดือนธันวาคมกลางคืนเงียบสงัด มีแต่เสียงแมงใยแมงว้าร้อง
           ตามฝั่งข้าง บ้างก็อาลัยหาลูกหาเมีย บ้างก็สนุกสนาน ทำอาหารทำครัว ทำน้ำพริกกินกัน พอได้ไม้มาเต็มที่แล้วก็มาว่า
           จ้างรถของนายหวันบ้านแป้นมาลากเอาไม้กลับไปสร้างกุฏิสร้างโรงครัวสร้างรั้วล้อมอารามพอถึงเดือนสามเหนือแรม
           แปดค่ำซึ่งเป็นวันเสาร์ ท่านทรงฤทธิ์ ก็มาอำลาศรัทธาหนองเรือไป ทางคณะศรัทธาไม่รู้จะว่าอะไรก็เลยปล่อยท่านไป
           ทางคณะศรัทธาก็เลยมาปรึกษากันใหม่เพื่อหาพระภิกษุมาประจำอาราม เลยไปนิมนต์ท่านบุญเป็ง  วัดบ้านรั้วมาช่วย
           สร้างอารามสร้างวัดท่านก็ยินดีมาท่านก็มาเริ่มสร้างกุฏิหลังใหม่ โดยให้คณะศรัทธาช่วยกันร่วมทำบุญสร้างกุฏิอีกครั้ง
           โดยขอท่านพระครูเจ้าอินทร โกวิโท เจ้าอาวาสวัดบ้านรั้วเป็นผู้ออกแบบแปลนกุฏิหลังใหม่ เอาไปเสนอเจ้าคณะอำเภอ
           (พระญาณมงคล) ท่านก็บอกว่าใช้ได้เหมาะสมพอที่จะให้พระและเณร เด็กวัดอยู่กันสบาย ก็นิมนต์ท่านเจ้าคณะอำเภอ
           มาดูที่ที่จะสร้าง เพราะเหตุว่าที่ดินอารามนั้นกว้างใหญ่เหลือหลาย     ท่านก็เลยให้ก่อสร้างไว้ด้านทิศเหนือเขตอาวาส
           ตามท่านอนุญาต ก็มาหาฤกษ์หายามที่ดี เป็นวันสิริจัยโชคกว้าง เป็นวันที่นายอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้าง   วัดเชตะวัน
           มหาวิหาร   วันนี้เป็นวันวิเศษสำหรับที่จะสร้างเขตห้องอาราม  เป็นวันพระจันทร์เปล่งเรืองงาม 15 ค่ำเหือน 4 เหนือ
           ตรงกับวันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2500     ก็ไปนิมนต์พระสงฆ์มาสี่รูป มีครูบาคำจันทร์เจ้า     วัดหนองซิวมาเป็น
           ประธานกับท่านตุ๊ลุงเจ้าแก้ว  วัดหนองหนาม ตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคณะตำบลหนองหนาม   นิมนต์ท่านมาเจริญพระ
           พุทธมนต์ และท่านครูบาคำจันทร์และตุ๊ลุงแก้ว       ก็เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ ตั้งแต่นั้นมา ท่านบุญเป็งมาสร้างกุฏิ
           สำเร็จแล้ว ท่านก็อยู่อีกไม่นานก็ขอกลับไปวัดบ้านรั้ว ทางคณะศรัทธาก็ไม่รู้จะว่ายังไง หลังจากท่านไปแล้วทางคณะ
           ศรัทธาก็ได้มาปรึกษาหารือกันใหม่ว่าจะหาพระภิกษุที่ไหนมาอยู่ประจำอาราม ก็ ก็พากันเข้าไปหาพระครูเจติยารักษ์
           หรือตุ๊ลุงเจ๋วัดพระธาตุหริภุญชัย      ซึ่งท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอ     ปัจจุบันท่านคือพระเทพมหาเจติยาจารย์ที่ปรึกษา
           เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ท่านก็ได้บอกให้ไปนิมนต์ท่านพระจำรัส ฐานวโร       หรือตุ๊ลุงจู มาช่วยสร้างอารามท่านจำรัส
           ก็ยินดีที่จะมาสร้างอารามหนองเรือให้เจริญรุ่งเรือง พอท่านมาอยู่ได้ไม่นานก็มาริเริ่มสร้างศาลาการเปรียญ โดยใช้ชื่อ
           ว่า ศาลาราษฎร์รังสรรค์ แล้วเสร็จและทำบุญฉลองในปี 2522 และท่านก็ริเริ่มสร้างอารามมาตลอด โดยสร้างหอระฆัง
            (โรงกลอง) สร้างบ่อบาดาร สร้างกำแพงด้านทิศเหนือ   ด้านทิศใต้ เสร็จ เงินก็หมด  ท่านก็เลยเข้าไปหาท่านเจ้าอาวาส
           วัดป่าแพ่ง   ท่านวัดป่าแพ่งก็รับเป็นเจ้าภาพสร้างกำแพงด้านทิศเหนือและประตู         และคณะศรัทธาบ้านหนองเรือ
           ก็ร่วมเป็นเจ้าภาดพสร้างด้านทิศตะวันออกจนสำเร็จ        โดยในสมัยนี้จะมีคุณแม่อุ้ยคำ คำวัง ซึ่งเป็นโยมมารดาของ
           พระเทพมหาเจติยาจารย์ ซึ่งเดิมเป็นคนบ้านหนองเรือมาช่วยอุปถัมภ์สร้างอาราม หลังจากนั้นไม่นานท่านก็มาสร้าง
           วิหารขึ้น 1 หลัง ในปี พ.ศ. 2524 กว้าง 9 เมตร ยาว 36 เมตรพอถึงในปีพ.ศ.2526 วิหารที่สร้างก็จะสำเร็จแล้ว ท่านจึง
           กำหนดทำบุญฉลองในปี พ.ศ.2527 แต่ก็ไม่ทันได้ทำบุญฉลองท่านก็มามรณภาพลงเสียก่อน สร้างความโศกเศร้าอาลัย
           แก่คณะศรัทธาบ้านหนองเรือเป็นอย่างยิ่งท่านมรณภาพ ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ทางคณะสรัทธาก็ได้นำ
           สลีละร่างของท่านมาทำบุญตามประเพณี เก็บร่างท่านไว้ 1 ปี และได้ทำการฉลองวิหารในปี 2528 พอฉลองวิหารเสร็จ
           ได้อีก 3 วัน    ก็มีการทำบุญสลายร่าง ท่านพระอธิการจำรัสและทางคณะศรัทธาก็ได้ก่อกู่บรรจุอัฐิท่านไว้ หลังจากนั้น
           ทางคณะศรัทธาบ้านหนองเรือก็มาปรึกษาหารือกันอีกว่าจะหาพระภิกษุรูปใดมาอยู่ประจำวัดวาอาราม เดือนมิถุนายน
           พ.ศ. 2529 ก็ได้เข้าไปหาท่านตุ๊ลุงเจ๋อีกครั้งหนึ่ง     ทางตุ๊ลุงก็แนะนำให้ไปขอพระสุทัศน์ สุทสฺสโน วัดมหาวัน มาเป็น
           เจ้าอาวาสท่านสุทัศน์ ก็ยินดีที่จะมาพัฒนาวัดวาอารามหนองเรือให้เจริญ   ท่านมาอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มสร้างกำแพงทาน
           สังฆ์    30     หอระฆัง 32   ทานสังฆ์ปี 32   ศาลาการเปรียญด้านทิศใต้วิหารขึ้นมาใหม่ 1 หลัง       สร้างศาลากลางน้ำ
           สร้างโรงครัว ตลอดถึงสร้างเวจกุฎี (ห้องน้ำ) ปี 33 ทานสังฆ์ปี 35 และวัดหนองเรือก็ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
           เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2539   และไม่นานท่านก็ได้ก่อสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นมาอีก 1 หลัง ทางด้านทิศเหนือวิหารและ
           ทำบุญฉลองในเดือนมีนาคม ปี 2541   และหลังจากนั้นท่านก็ได้พัฒนาวัดวาอารามมาโดยตลอด     ท่านใช้เวลาพัฒนา
           วัดหนองเรือแห่งนี้อยู่ 18 ปี  ท่านจึงขอกลับไปจำพรรษาที่วัดพระธาตุหริภุญชัย ต่อมาทางคณะศรัทธาวัดหนองเรือก็
็           เลยไปขอนิมนต์ท่านพระครูเอนก อาสโภ      วัดเหมืองจี้หลวง มาพัฒนาวัดหนองเรือในปี พ.ศ.2547 ท่านมาอยู่ท่านก็
           ได้บูรณะศาลาการเปรียญราษฎร์รังสรรค์        และทำบุญถวายทานในปีพ.ศ.2552 ท่านมาพัฒนาวัดหนองเรืออยู่ 6 ปี            
ท่านก็ขอลากลับไปอยู่ที่วัดเหมืองจี้หลวงเหมือนเดิมในปี พ.ศ. 2552 และในตอนที่ท่านไปนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ใกล้เข้า
           พรรษา     ทางวัดหนองเรือก็ไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ท่านเจ้าคณะตำบลหนองหนาม      ท่านพระครูปิยธรรมาภิรัต           
 กลัววัดหมองจึงจัดให้         พระภิกษะในตำบลหนองหนามผลัดเปลี่ยนปมุนเวียนกันมารับบิณฑบาตและแสดงธรรม
           ทุกวันพระ พอล่วงเวลาออกพรรษามาแล้วทางท่านพระครูปิยธรรมาภิรัต    เจ้าคณะตำบลหนองหนามและทางท่าน
           พระครูประภัศร์ศีลาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านขว้าง ก็มาประชุมปรึกษาหารือกับทางคณะศรัทธาวัดหนองเรือ ว่าจะหา
           พระภิกษุที่ไปหนมาจำพรรษาอยู่ทางผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านบุญธรรม จิตอารี  และคระศรัทธาเล็งเห็นว่าทางวัดบ้าน
           ขว้างพระภิกษุอยู่ 2 รูป อยากจะขอนิมนต์มาพัฒนาวัดหนองเรือ 1 รูป  ทางท่านพระครูประภัศร์ศีลาภรณ์ก็ไม่ติดใจ
           อะไร ก็อยู่ที่เจ้าตัวว่าจะมาอยู่ไหม    ทางผู้ใหญ่บ้านและคณะศรัทธาวัดหนองเรือ       ก็จึงพากันไปขอพระณัฏฐนันท์
           คุณวีโร วัดบ้านขว้าง ทางพรัณัฏฐนันท์ คุณวีโร เมื่อคิดดูแล้วก็อยากสร้างวัดสร่างวาก็จึงยินดีตกลงที่จะมาร่วมสร้าง
           ร่วมพัฒนาวัดหนองเรือ พระณัฏฐนันท์ คุณวีโร มารักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองเรือ ในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2552
            และในวันนี้ก็มีการจัดทำบุญต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อพระณัฏฐนันท์     มาอยู่ประจำวัดหนองเรือท่านก็มีดำริที่จะก่อ
            สร้างเจดียขึ้นมา 1 ดวง   เพื่อเป็นที่เคารพกราบไหว้บูชาของพุทธศาสนิกชนทางคณะศรัทธาก้ไม่ขัดข้องจัดให้มีการ
            ทำบุญทอดผ้าป่าขึ้นในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2553 ได้ปัจจัยทั้งหมด 200,000 กว่าบาท เพื่อสมทบทุนสร้างเจดีย์และ
            ในวันที่ 6 มีนาคม 2553 ก็ได้จัดให้มีพิธีทำบุญวางศิลาฤกษ์เจดีย์ขึ้น       โดยมีพระเทพมหาเจติยาจารย์เป็นประธาน
            ในพิธี และพระณัฏฐนันท์ ก็ได้ริเริ่มก่อสร้างพัฒนาวัดหนองเรือมาจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้

            ข้อมูลประชากร, อาชีพ, รายได้ จำนวนประชากร
                       - จำนวนครัวเรือน  139 ครัวเรือน
                       - ประชากร 401 คน ชาย 198 คน หญิง 203 คน 
                       - อาชีพหลัก        (1) เกษตรกรรม จำนวน 80 ครัวเรือน
                                                  (2) ค้าขาย จำนวน 6 ครัวเรือน
                                                  (3) รับจ้าง จำนวน 20 ครัวเรือน
                       - อาชีพเสริม       (1) ทำสวน จำนวน 10 ครัวเรือน
                       - รายได้ภาคเกษตรเฉลี่ย 45,278 บาท/ครัวเรือน/ปี
                       - รายได้นอกภาคเกษตรเฉลี่ย 159,160 บาท/ครัวเรือน/ปี
                       - รายได้เฉลี่ยของประชากร (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี 2557)   77,896   บาท/คน/ปี
                       - ครัวเรือนยากจน (รายได้ไม่ถึง 23,000 บาท/คน/ปี) ปี 255 จำนวน ...... ครัวเรือน

               ข้อมูลสภาพทั่วไปของหมู่บ้าน/ชุมชน
                      - พื้นที่อยู่อาศัย ไร่ พื้นที่ทำการเกษตร 239 ไร่ ทำนาปีละ 2 ครั้ง
                      - พื้นที่ทำนา 239 ไร่ พื้นที่ทำไร่.......-.......ไร่ พื้นที่ทำสวน. 20 ไร่
                      - พื้นที่การเกษตรอื่น ๆ ......-.......ไร่ พื้นทีการเกษตรในเขตชลประทาน
                        (เขตสูบน้ำด้วยไฟฟ้าคลองชลประทาน)......................ไร่
                      - ป่าชุมชน แห่ง (ระบุ) จำนวน ไร่
                      - แหล่งน้ำสาธารณะ .......................1...........................แห่ง
                      - ประปา 3 แห่ง ผู้ใช้ 108 ครัวเรือน บ่อสาธารณะ 2 แห่ง
                      - โรงเรียน (ระดับ) ปฐมวัย จำนวน 1 แห่ง วัด (ระบุชื่อ) วัดหนองเรือ
                     - จำนวนผู้ใช้ไฟฟ้า 108 ครัวเรือน ร้อยละ 100
                     - โทรศัพท์สาธารณะ ...........1..............แห่ง ส่วนตัว (เบอร์บ้าน) ..........19.............เครื่อง
                     - เสียงตามสาย ............2........................แห่ง วิทยุชุมชน ...............-.................... แห่ง
                     - ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชน .......1.............แห่ง ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน.....1.......แห่ง
                     - ศาลาประชาคม..............1................แห่ง อื่น ๆ ……………………………….

            ข้อมูลงานประเพณี และกิจกรรมตามวัฒนธรรมต่างๆ เช่น บุญข้าวใหม่,บุญเดือนสิบ, แข่งเรือ, ตักบาตรเทโวฯ,
            เข้ากรรม, สงกรานต์, สลากภัทร เป็นต้น
                    - พิธี/งาน งานบุญข้าวใหม่ เดือน มกราคม
                    - พิธี/งาน สงกรานต์ เดือน 13 – 15 เมษายน
                    - พิธี/งาน ประเพณียี่เป็ง เดือน 15 ค่ำ เดือน ยี่เหนือ
                    - พิธี/งาน ตักบาตรเทโว เดือน ตุลาคม

            สถานที่ท่องเที่ยวหมู่บ้าน/โบราณสถาน/โบราณวัตถุ
                    1. วัดหนองเรือ

            ข้อมูลด้านการบริหารหมู่บ้าน
                     1.7.1 ชื่อ กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน นายบุญธรรม จิตอารีย์ โทร 081-3872356
                     1.7.2 ชื่อ นายก อบต. นายประสิทธิ์  ลาวิชัย  โทร 081-2879441
                     1.7.3 ชื่อสมาชิก อบต.     1. นายพินิจ จุมอุทัย โทร 089-5569591
                                                             2. นายเทวัลย์  ยะวิลัย  โทร 094-6267312
                     1.7.4 รายชื่อคณะกรรมการหมู่บ้าน
                                   1) นายบุญธรรม จิตอารีย์ ตำแหน่ง ประธาน
                                   2) ประสิทธิ์ หัวนะราษฎร์ ตำแหน่ง กรรมการ
                                   3) นายนิพัทธ์ วิรัตน์พฤกษ์ ตำแหน่ง กรรมการ
                                   4) นายพินิจ จุมอุทัย ตำแหน่ง กรรมการ
                                   5) นายยงยุทธ ธิประเสิรฐ ตำแหน่ง กรรมการ
                                   6) นายจำรัส ใจศักดิ์ ตำแหน่ง กรรมการ
                                   7) นายประเสริฐ ธิกำไร ตำแหน่ง กรรมการ
                                   8) นายศรีทร วิรัตน์พฤกษ์ ตำแหน่ง กรรมการ
                                   9) นายสวัสดิ์ นันตากาศ ตำแหน่ง กรรมการ

                       1.7.7 รายชื่ออาสาพัฒนาชุมชน (อช.)
                                   1) นายประเสริฐ ธิกำไร
                                   2) นางเกษร เตมีซิว
                       1.7.8 รายชื่ออาสาสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อ.ส.ม)
                                   1) นายจำรัส ใจศักดิ์
                                   2) นายเกษม ขว้างแป้น
                                   3) นายไพโรจน์ ปิ่นแก้วนาวา
                                   4) นางเกสร เตมีซิว
                                   5) นางคำเอ้ย พิงคะสัน
                                   6) นางสังเวียน นุเคราะห์
                                   7) นางจารุวรรณ ธิยะพฤกษ์
                                   8) นางสงัด อินต๊ะมุล
                                   9) นางสังวาลย์ มูลนาวา
                      1.7.9 รายชื่ออาสาสมัครเกษตร
                                  1) นายประสิทธิ์ หัวนะราษฎร์
                                  2) นายประจวยบ ซาวสัก

                     1.7.10 รายชื่อคณะกรรมการบริหารศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล
                                 1) ร.อ.บุญเลิศ พะชำนิ ประธานกรรมการ
                                 2) นางจันฟอง เมืองมูล กรรมการ
                                 3) นางแจ่มจันทร์ พรมพฤกษ์ กรรมการ
                                 4) นายนิตย์ สิริสิทธิ์ กรรมการ
                                 5) นายสุจินต์ ปินทา กรรมการ
                                 6) นายบุญมี กรรณไทย กรรมการ
                                 7) นายอดุลย์ ชมพู กรรมการ
                                 8) นายมงคล อุประโจง กรรมการ
                                 9) นายอุทัย อุประโจง กรรมการ
                                 10) นางศรีพรรณ ปะสาขา กรรมการ
                                 11) นายเชิดศักดิ์ ปินทา กรรมการ
                                 12) นายสุรพงษ์ วีรโจง กรรมการ
                                 13) นายณรงค์ สิทธิประเสริฐ กรรมการ
                                 14) นายกำจัด เชื้อเย็น กรรมการ
                                 15) นายนรินทร์ หลวงมูล กรรมการและเลขานุการ

                      1.7.11 รายชื่อปราชญ์ชาวบ้านด้านการเกษตร
                                  1) ด้าน การเกษตร ชื่อ นายศรีทร วิรัตน์พฤกษ์ โทร. 084-4823837
                                  2) ด้าน ทำสวน ชื่อ นายไชยตา มูลนาวา

                      1.7.12 รายชื่อปราชญ์ชาวบ้านด้านหมอพื้นบ้าน
                                  1) ด้าน สมุนไพร ชื่อ นายตาคำ นึกได้

                       1.7.13 รายชื่อปราชญ์ชาวบ้านด้านศิลปวัฒนธรรม
                                  1) ด้าน ดนตรีพื้นเมือง ชื่อ นายสมบัตร ศรีสวัสดิ์
                                  2) ด้าน นาฎศิลป์ ชื่อ นางคำ ปิ่นแก้วนาวา
                                  3) ด้าน ประดิษฐ์ตุง ชื่อ นายจำรัส ใจศักดิ์

                    1.7.14 รายชื่อปราชญ์ชาวบ้านด้านหัตถกรรม
                                  1) ด้าน ปูนปั้น ชื่อ นายถวิล ใจศักดิ์
                                  2) ด้าน ปูนปั้น ชื่อ นายจรัญ ยะคำป้อ
                                  3) ด้าน ปูนปั้น ชื่อ นายอร่าม จิตอารี
                                  4) ด้าน ปูนปั้น ชื่อ นายจรัญ ยะคำป้อ

                     1.7.15 รายชื่อปราชญ์ชาวบ้านด้านพิธีกรรมต่างๆ
                                  1) ด้าน พิธีกรรมทางศาสนา ชื่อ นายยศ พิงคะสัน