“วัดร้างผ้าขาว” ดูน่าตื่นตาตื่นใจประหนึ่ง “ปราสาทตาพรหมของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7” นั่นเทียว ในแง่ที่มีรากไม้ใหญ่ปกคลุม อุ้มโอบตัวซากกองอิฐไว้เป็นหนึ่งเดียว
จุดนี้ ตามเรื่องเล่าของชาวบ้านกล่าวว่า เป็นที่มาของคำว่า “บ้านหนองหนาม” กล่าวคือ บริเวณนี้มีหนองขนาดใหญ่จำนวนมากรายรอบตัววัดร้างผ้าขาว แต่ละหนองก็ค่อนข้างลึกแม้แต่ช้าง
ยังเอาตัวไม่รอด ตกไปในหนอง คนต้องช่วยกันหามขึ้นมา
จากคำว่า “หนองหาม” เรียกไปเรียกมาเพี้ยนเป็น “หนองหนาม” จวบจนปัจจุบัน ทั้งที่ในความจริง บริเวณนี้ หาได้มีพรรณไม้ประเภท “หนาม” ขึ้นชุกชุมแต่อย่างใดไม่ หนองหามทั้ง 3-4 แห่งนี้ บางแห่งก็แห้งเหือดไปแล้ว กลายเป็นทุ่งนาเลนโคลน
หนองน้ำบางแห่งก็ยังเรียกว่า “หนองผ้าขาว” อีกด้วย ซึ่งที่มาเกี่ยวกับชื่อ “ผ้าขาว” นี้ทางชุมชนได้ยินได้ฟังมาว่ามีความเกี่ยวข้องกับการนุ่งห่มผ้าขาวเพื่อมาปฏิบัติธรรมของพระนาง
จามเทวี แต่จะจริงเท็จอย่างไรไม่มีใครทราบ นอกจากนี้ ในอดีตมักมีคนเห็น “พระธาตุเสด็จ” เป็นแสงสีเขียวระหว่างกู่ร้างหนองผ้าขาวไปยังเจดีย์วัดกอข่อยอีกด้วย